ประวัติ กติกาปิงปอง วิธีการเล่น เทเบิลเทนนิส (Table tennis)

กีฬาเทเบิลเทนนิส ประวัติ กติกา วิธีการเล่น Table tennis ที่เรารู้จักกันในชื่อว่า ปิงปองนั้น เป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงมาก อย่างหนึ่งเป็นเพราะว่ากีฬาชนิดนี้เล่นง่าย เข้าใจง่าย และหาเล่นได้ง่ายทั่วไป ขอเพียงมีแค่โต๊ะ ไม้ปิงปอง และ ลูกปิงปอง ทุกอย่างก็จบแล้ว แต่กว่าจะมาเป็นเกมกีฬาที่ง่ายแบบนี้ มันก็ผ่านช่วงเวลาที่ต้องพัฒนาตัวเองมายาวนานด้วยเช่นกัน ประวัติของกีฬาชนิดนี้มีอะไรบ้าง

ประวัติของกีฬาเทเบิลเทนนิส

กีฬาเทเบิลเทนนิส เดิมทีเราเรียกกันว่า ปิงปอง นั่นแหละ เกิดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1890 หรือเมื่อปี พ.ศ. 2433 ที่ประเทศอังกฤษในยุคนั้นการเล่นปิงปอง ไม้ที่ใช้เล่นจะเป็นการเอาไม้มาหุ้มด้วยหนังสัตว์ ส่วนลูกปิงปองตอนนั้นเป็นลูกเซลลูลอยด์ ที่ทำมาจากพลาสติกกึ่งสังเคราะห์ พอตีกระทบกับพื้นโต๊ะ กระทบกับไม้ จะมีเสียง ปิ๊ก ป็อก จนเป็นที่มาของชื่อว่า ปิงปองในเวลาต่อมา

การเล่นในยุคเริ่มแรกของกีฬาชนิดนี้ เป็นการตีเพื่อโต้กันไปมามากกว่าจะเป็นการตีด้วยความรุนแรงให้อีกฝ่ายรับไม่ได้ เรียกการเล่นแบบนั้นว่า การยัน และการดัน (เหมือนกับมือใหม่ที่เราเห็นเวลาเล่นจะดันลูกกลับคืนไปมากกว่าจะตบ หรือ ซันแบ็คให้แรงขึ้น) การจับไม้ในยุคนั้นมีพื้นฐานอยู่สองแบบคือ แบบจับมือ กับ จับแบบไม้จีน
การพัฒนาอุปกรณ์

การเล่นปิงปองมาพัฒนาครั้งสำคัญในช่วงปี ค.ศ.1900 ตอนนั้นได้มีการพัฒนาอุปกรณ์การเล่นปิงปองให้ทันสมัยมากขึ้น ด้วยการพัฒนาเม็ดยางสังเคราะห์ขึ้นมาแทนหนังสัตว์ เพื่อหุ้มไม้ให้กระชับมือมากขึ้น รวมถึงสามารถควบคุมทิศทาง ซับแรงกระแทก และใส่แรงได้มากขึ้นนั่นทำให้การเล่นปิงปองได้พัฒนาจากการเล่นโต้ไปมาเพื่อให้อีกฝ่ายพลาด มาเป็นการเล่นแบบโจมตีเพื่อให้อีกฝ่ายรับไม่ได้ ด้วยการเล่นลูกตบหรือ ลูกแบ็ค(ลูกหลังมือ) ทำให้การเล่นสนุก และยากมากขึ้นในคราวเดียวกัน

การเปลี่ยนชื่อกีฬา

หลายคนอาจจะงงว่า แล้วทำไมกีฬาเทเบิลเทนนิส ไม่เรียกว่าปิงปองในการแข่งขันกีฬาทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติ ตามที่เรากพูดติดปากกัน คำตอบมันอยู่ตรงนี้ ย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1922 ตอนนั้นได้มีบริษัทเครื่องกีฬาแบรนด์หนึ่ง หัวใส ออกแบบตราสัญลักษณ์ และจดทะเบียนการค้าด้วยคำว่า Pingpong ขึ้นมา นั่นทำให้การเล่นกีฬาชนิดนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางด้านลิขสิทธิ์ จึงต้องเปลี่ยนชื่อมาเป็น เทเบิลเทนนิส อย่างที่เราได้ยินมาจนถึงทุกวันนี้ และในเวลาต่อมาจากนั้นได้มีการจัดตั้งสหพันธ์เทเบิลเทนนิส นานาชาติขึ้นมา เพื่อทำให้กีฬาชนิดนี้เป็นที่นิยม แพร่หลายมากขึ้น รวมถึงป้องกันปัญหาการนำชื่อไปในทางการค้าอีกในอนาคตอีกด้วย

การช่วงชิงความเป็นหนึ่ง หลังจากนั้น กีฬาเทเบิลเทนนิส เริ่มแพร่หลายไปทั่วโลก ทั้งยุโรปที่ฮิตกันอยู่แล้วฝั่งเอเชียก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน ชาติที่เข้าไปเล่นกีฬาชนิดนี้ก่อนก็คือ ญี่ปุ่น เค้าผสานการเล่นเข้ากับวิธีการเคลื่อนไหวรวดเร็ว(ฟุตเวิร์ค)ทำให้พวกเค้าสามารถก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของกีฬานี้ได้ช่วงหนึ่ง แต่พวกเค้าก็ต้องเจอการท้าทายจากขุมอำนาจใหม่อย่างจีน ที่เข้ามาเล่นกีฬานี้ด้วยพร้อมกับศึกษาวิธีการเล่นของญี่ปุ่นและพัฒนาเป็นรูปแบบของเค้าเอง ทำให้มีทั้งการตบที่แม่นยำ รวดเร็ว

และฟุตเวิร์คที่ไม่มีตกตลอดการแข่งขัน บวกกับการพัฒนาเทคโนโลยีของไม้ปิงปองที่มีการอัดยางบางอย่างเข้าไปทำให้รับแรงกระแทกได้ดีขึ้น ก่อนที่ปี ค.ศ. 1973 เป็นทางยุโรปกลับมาท้าชิงตำแหน่งผู้นำโลกปิงปองอีกครั้งด้วยการส่ง สเตลัง เบนค์สัน นักปิงปองชาวสวีเดนขึ้นเป็นที่ 1 ของโลกในกีฬาชนิดนี้ นั่นทำให้ผู้เล่นจากชาติอื่นต้องกลับไปพัฒนา เทคนิค วิธีการเล่นมาใหม่ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นการสู้กันของกลุ่มอำนาจเหล่านี้อยู่จนถึงปัจจุบัน